บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประเพณี วัฒนธรรม 3 จังหวัดชายแดนใต้

ประเพณี วัฒนธรรม 3 จังหวัดชายแดนใต้
“รายอแน” ประเพณีเชื่อมสัมพันธ์มลายูมุสลิมชายแดนใต้
“รายอแน”  เป็นประเพณีอย่างหนึ่งของชาวมลายูมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ปฏิบัติกันมาตั้งแต่อดีต ซึ่งเป็นประเพณีที่ไม่มีระบุในศาสนา แต่เป็นวิถีที่มุสลิมในพื้นที่ถือปฏิบัติ หลังจากที่ถือศีลอดในเดือนรอมฎอนเสร็จสิ้นแล้ว ในศาสนาอิสลามส่งเสริมให้ถือศีลอดต่ออีก 6 วัน ดังนั้นเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ 6 วันนี้แล้ว ชาวมลายูมุสลิม 3 จังหวัดก็ถือโอกาสนี้เฉลิมฉลองอีกครั้งโดยการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ บรรพบุรุษที่เสียชีวิต โดยการอ่านอัลกุรอานและซิกรุลเลาะห์ (รำลึกถึงอัลลอฮฺ) โดยมักจะเลี้ยงอาหาร  เยี่ยมเยียนกูโบร์(สุสาน) ของบรรพบุรุษที่สำคัญเพื่อรำลึกถึงความตาย บางพื้นที่ยังมีการทำความสะอาดบริเวณกูโบร์ร่วมกัน โดยเรียกวันนี้ว่า วัน “รายอแน”

ทั้งนี้ “วันอีด” หรือในพื้นที่รู้จักกันว่า “ฮารีรายอ” ในหลักศาสนาอิสลามนั้นมี 2 วันเท่านั้น  คือวัน “อีฎิ้ลฟิตรี”  ซึ่งเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองของการสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ของเดือนเชาวาล เป็นเดือนถัดไปจากเดือนรอมฎอนตามปฏิทินทางจันทรคติของอิสลาม ส่วนวันอีดอีกวันหนึ่งคือ “อีฎิ้ลอัฎฮา”  เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่มุสลิมส่วนหนึ่งจากทั่วทุกมุมโลกได้มี โอกาสไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอารเบีย

“รายอแน” เป็นวัฒนธรรมที่มีเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น ส่วนมุสลิมในพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศหรือต่างประเทศ จะไม่มีวัฒนธรรม “รายอแน” แต่ก็จะมีกิจกรรมซึ่งต่างกันออกไปแต่ยังสอดคล้องกับหลักศาสนา ดังนั้นจึงน่าตั้งคำถามว่า เหตุใดที่ชาวไทยมุสลิมเชื้อสายมลายูใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จึงถือปฏิบัติประเพณีรายอแนเรื่อยมา

กวนอาซูรอ
การกวนขนมอาซูรอ เป็นประเพณีพื้นบ้านของชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม คำว่า "อาซูรอ" เป็นภาษาอาหรับ หมายถึงวันที่ 10 ของเดือนมูฮรอม อันเป็นเดือนแรกของปฏิทินอาหรับ ชาวบ้าน นิยมกวนขนมอาซูรอกันในเดือนนี้ จึงเรียกกันว่า ขนมอาซูรอ
       ขนมอาซูรอ เริ่มด้วยการที่เจ้าภาพประกาศเชิญชวนนัดหมายให้ผู้คนรู้กันทั่วว่าจะกวนขนม อาซูรอ ที่ไหน เมื่อใด พอถึงวันกำหนดนัด ชาวบ้านก็จะช่วยกันนำอาหารดิบ อันเป็นเครื่องปรุงชนิดต่าง ๆ มารวมกัน ผู้คนจะมามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าภาพผู้เชิญชวน เมื่อได้ของมามาก พอแล้วก็จะช่วยกันกวน เครื่องปรุงที่สำคัญประกอบด้วย
1. เครื่องแกง มี ข่า ตะไคร้ หอม กระเทียม ผังชี ยี่หร่า
2. ข้าวสาร
3. เกลือ น้ำตาล กะทิ
4. อื่น ๆ เช่น มัน กล้วย (หรือผลไม้อื่น ๆ) เนื้อ ไข่ ส่วนประกอบที่
4. นี้จะให้อะไรก็ได้ ขอให้เป็น สิ่งที่รับประทานได้เท่านั้น
       วิธีกวน ตำหรือบดเครื่องแกงอย่างหยาบ ๆ เทส่วนผสมต่าง ๆ ลงในกะทะ ใบใหญ่ ปรุงรส ตามใจชอบ เมื่อขนมสุกเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ก็ตักใส่ถาด แล้วโรยหน้าด้วยไข่เจียวบางๆ หรืออาจจะ เป็นหน้ากุ้ง เนื้อสมัน ปลาสมัน ผักชี หอมหั่น แล้วแต่รสนิยมของท้องถิ่น ขอขนมเย็นแล้วก็ตัดเป็น ชิ้น ๆ คล้ายขนมเปียกปูน พร้อมที่จะแจกจ่ายรับประทานกันได้ แต่ก่อนจะรับประทานกัน เจ้าภาพ จะเชิญบุคคลที่เป็นที่นับถือของชุมชนนั้น ขึ้นมากล่าวขอพร (ดูอา) จากพระผู้เป็นเจ้า เสร็จพิธีแล้ว จึงแจกจ่ายรับประทานกัน
       ความเป็นมาของการกวนขนมอาซูรอนั้น สืบเนื่องมาแต่สมัยนบีนุฮ (อล.) สมัยนั้นเกิดภาวะ น้ำท่วมใหญ่ ยังความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินไร่นาขงประชาชนทั่วไป บรรดาสาวกของนบีนุฮ (อล.) และคนทั่วไปขาดอาหาร นบีนุฮ จึงประกาศให้ผู้ที่มีสิ่งของที่เหลือพอจะรับประทานได้ เอามากอง รวมกันเนื่องจากต่างคนต่างมีกันคนละอย่างไม่เหมือนกัน นบีนุฮให้เอาของเหล่านั้นมากวนเข้า ด้วยกัน ในที่สุดสาวกของท่านก็ได้รับประทานอาหารโดยทั่วกันและเหมือนกัน ในสมัยบีมูหัมมัด (ศ็อลฯ) เหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีก กล่าวคือ ขณะที่กองทหารของท่าน กลับจาก การรบที่ "บาดัร" ปรากฏว่าทหารมีอาหารไม่พอกิน ท่านนบีมูหัมมัด (ศ็อลฯ) จึงใช้วิธีการของ นบีนุฮ โดยให้ทุกคนเอาข้าวของที่รับประทานได้ มากวนเข้าด้วยกัน แล้วแบ่งกันรับประทานใน หมู่ทหารทั้งปวง

สถานที่ท่องเที่ยว 3 จังหวัดชายแดนใต้

สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดยะลา
น้ำตกธารโต

อยู่ ที่ตำบลถ้ำทะลุ ห่างจากตัวเมืองยะลาไปตามถนนสายยะลา-เบตง (ทางหลวง 410) กิโลเมตรที่ 47-48 มีทางแยกขวาไปอีกราว 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 7 ชั้น มองเห็นเป็นทางน้ำที่ไหลลดหลั่นมาจากภูเขาสูง มีแอ่งน้ำซึ่งสามารถเล่นน้ำได้ โดยรอบร่มรื่นไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้ที่น่าสนใจมากมายรวมทั้งต้นศรียะลา หรืออโศกเหลือง ซึ่งจะออกดอกชูช่อสีเหลืองสวยงามในราวเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
 
 หมู่บ้านซาไก
อยู่ ที่หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านแหร ห่างจากตัวจังหวัดยะลาไปทางเบตงประมาณ 80 กิโลเมตร ด้านขวามือ มีทางเข้าไปยังหมู่บ้านที่อาศัยของชนเผ่าซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “เงาะซาไก” เดิมดำรงชีวิตอยู่ด้วยการหาของป่า มีความชำนาญในด้านสมุนไพรและเป่าลูกดอกล่าสัตว์ บ้านเรือนของซาไกเดิมสร้างด้วยไม้ไผ่ มุงหลังคาจาก ต่อมา กรมประชาสงเคราะห์ได้พัฒนาหมู่บ้านแห่งนี้ โดยรวบรวมชาวซาไกมาอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน และให้มีอาชีพทำสวนยางและได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีขอ ใช้คำว่า “ศรีธารโต” ให้ทุกคนใช้เป็นนามสกุล ปัจจุบันมีชนเผ่าซาไกที่ยังคงอาศัยอยู่บ้าง แต่บางส่วนได้แยกย้ายไปทำงานที่อื่น
 เขื่อนบางลาง
 ตั้ง อยู่บ้านบางลาง ตำบลบาเจาะ ห่างจากจังหวัดยะลาไปตามทางหลวงหมายเลข 410 ประมาณ 50 กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายไปอีก12 กิโลเมตร เขื่อนบางลางเป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเอนกประสงค์แห่งแรกในภาคใต้ที่สร้างปิด กั้นแม่น้ำปัตตานี เป็นเขื่อนแบบหินทิ้งแกนดินเหนียว สูง 85 เมตร สันเขื่อนยาว 422 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ 1,420 ล้านลูกบาศก์เมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อน บางลาง เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2524บริเวณเหนือเขื่อนในบริเวณที่ตั้งของสำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ มีจุดชมทิวทัศน์มองเห็นทัศนียภาพของเขื่อน อ่างเก็บน้ำและทิวเขาโดยรอบได้สวยงาม ติดต่อบ้านพักรับรอง โทร. 0 7328 1063-6 ต่อ 2206 บริการล่องเรือหรือแพชมทิวทัศน์ทะเลสาบเหนือเขื่อน โทร. โทร. 0 7328 1063-6 ต่อ 2209, 2205

ศาลาดูดวงจันทร์
เป็น สถานที่ท่องเที่ยวและจุดชมวิวของตำบลยะหา เป็นสถานที่สำหรับดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันเริ่มและสิ้นสุดของการถือศีลอด ซึ่งเป็นข้อบัญญัติในศาสนาอิสลามเป็นประจำทุกปี ตั้งอยู่บริเวณภูเขาหลังโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อำเภอยะหา
สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดปัตตานี



 

แนะนำตนเอง

นางสาวมัสตูรอ  ดอคอ
รหัส 52102311005
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
รุ่นที่ 1 ห้องที่ 1